วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

ปะการัง



เป็นสัตว์จำพวกไม่มีกระดูกสันหลังอาศัยอยู่ในโครงสร้างหินปูน มีลักษณะการดำรงชีพ ๒ แบบ คือ อยู่ตัวเดียว หรืออยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม ปะการังพวกที่เจริญเติบโตในน้ำลึกจะมีลักษณะ เป็นก้อนขนาดไม่ใหญ่ ส่วนปะการังที่เจริญได้ดีจะอยู่ในเขตน้ำตื้นจนถึงน้ำลึก ๕๐ เมตร มีการเจริญเติบโตแบบรวมเป็นกลุ่มจะเกิดเป็นแนวปะการังขนาดใหญ่ ปะการังแต่ละตัวที่มารวมกัน จะสร้างโครงสร้างในรูปของหินปูนเป็นรูปร่างต่างๆ กัน แล้วแต่ชนิดของปะการังนั้นๆ การเจริญเติบโตของปะการังค่อนข้างช้ามาก ทั้งนี้ ขึ้นกับปัจจัยสภาพแวดล้อมที่สำคัญ ได้แก่ อุณหภูมิของน้ำ และแสงสว่าง โดยจะเจริญเติบโตได้ดีในบริเวณที่มีน้ำสะอาด สภาพท้องทะเลค่อนข้างแข็งหรือมีการเปลี่ยนแปลงน้อยความเค็มของน้ำค่อนข้างสูง มีแสงสว่างมากพอควร อุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ ๒๐-๒๙ องศาเซลเซียส

ความสำคัญของปะการังบริเวณชายฝั่งทะเล


 เป็นที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์จำนวนมาก อีกทั้งเป็นแหล่งอาหารเพื่อการเจริญเติบโต เป็นแหล่งเพาะพันธุ์วางไข่และหลบภัย ปะการังมีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเล  การประมง  และมีส่วนช่วยรักษาสภาพสมดุลธรรมชาติของชายฝั่ง ช่วยลดความรุนแรงของคลื่นที่กระทบต่อชายฝั่งความสวยงามของแนวปะการังช่วยในด้านพักผ่อนหย่อนใจและเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างดี สามารถนำรายได้มาสู่ท้องถิ่น รวมทั้งในปัจจุบัน ได้มีการค้นคว้าเพื่อสกัดสารเคมีต่างๆ จากปะการัง สัตว์ และพืชที่อยู่ในแนวปะการัง เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ แต่ถ้าหากปะการังถูกทำลายหรือตายไปจะต้องใช้เวลานานมากกว่าที่จะฟื้นตัวขึ้นมาได้

วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555

การอนุรักษ์ปะการัง

การอนุรักษ์ปะการัง เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจกัน และจะต้องรู้จักใช้อย่างถูกวิธีการ รวมทั้งป้องกันไม่ให้เกิดการทำลาย เพื่อจะได้รับประโยชน์จากมรดกทางธรรมชาติที่มีอยู่อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะประชาชนในท้องถิ่นจะสามารถมีส่วนร่วมกับส่วนราชการ หรือรวมตัวกัน เพื่อดูแลรักษาแนวปะการังในท้องถิ่นของตนให้คงอยู่ได้ ในการจัดการปะการังอาจดำเนินการดังนี้ คือ

          ๑. ทำการกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ในแนวปะการัง พร้อมทั้งจัดทำแผนที่รายละเอียดแสดงบริเวณปะการัง ซึ่งแบ่งเป็น ๔ เขต ได้แก่ เขตการดูแลของท้องถิ่น เขตการใช้ประโยชน์เพื่อการท่องเที่ยวและนันทนาการ เขตอนุรักษ์เพื่อความสมดุลของระบบนิเวศ และการวิจัย โดยกำหนดมาตรการในการบริหารการจัดการปะการังในแต่ละเขต เพื่อให้มีการใช้ประโยชน์และควบคุมการดำเนินกิจกรรมให้สอดคล้องกับมาตรการที่กำหนดไว้
          ๒. ติดตั้งทุ่นผูกเรือในเขตการใช้ประโยชน์ในแนวปะการังที่มีความสำคัญสูง สำหรับให้จอดเรือ โดยไม่ให้ทิ้งสมอ
          ๓. ห้ามการจับปลาทุกประเภทในบางบริเวณเพื่อให้มีปลาเข้ามาหลบในบริเวณนั้นมากขึ้น
          ๔. นำเรือท้องกระจกเพื่อให้ดูปะการัง
          ๕. ประชาสัมพันธ์ให้มีการตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรปะการัง โดยให้มีการศึกษาและเผยแพร่ความรู้และคุณค่าของปะการังให้กับบุคคลทุกประเภท ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ในการป้องกันและฟื้นฟูปะการัง
          ๖. ส่งเสริมให้กลุ่มชุมชน องค์กรเอกชน สมาคมหรือชมรมการท่องเที่ยว ร่วมกันจัดกิจกรรมในเรื่องการรักษาความสะอาด เพื่อการคุ้มครองปะการัง

          ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน ทั้งในด้านการนำมาใช้ประโยชน์และการสงวนรักษา ทรัพยากรธรรมชาติประกอบด้วยเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมากมาย ซึ่งในแต่ละเรื่องมีปัญหาที่ยุ่งยาก ซับซ้อน การพัฒนาประเทศในระยะที่ผ่านมาช่วง ๓๐ ปี ประสบกับปัญหาการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติที่รุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ อันเนื่องมาจากเหตุผลหลายประการ ได้แก่ การเพิ่มจำนวนประชากร การเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว การเร่งรัดพัฒนาการเกษตรและอุตสาหกรรม ตลอดจนการนำเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมมาใช้ในการผลิต ซึ่งส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติที่เคยอุดมสมบูรณ์กลับอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรม จนกลายเป็นข้อจำกัดของการพัฒนาในระยะต่อไป ดังปรากฏเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ ที่ใช้ประโยชน์อยู่ทุกวัน นับวันจะร่อยหรอหมดสิ้นไปและอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ รวมทั้งยังมีปัญหาขัดขัดแย้งในการใช้ประโยชน์อีกด้วย สำหรับปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมที่กำลังทวีความรุนแรงอย่างยิ่ง คือ ความเสื่อมโทรมของแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ อันเนื่องมาจากการใช้กันอย่างเกินขอบเขตและการใช้อย่างไม่เหมาะสมจนสภาพทางธรรมชาติไม่สามารถรองรับหรือปรับตัวให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้

          ปัจจุบันเป็นที่เข้าใจอย่างชัดแจ้งแล้วว่าการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างฉลาดนั้น จะต้องคำนึงถึงทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ ในเวลาเดียวกันด้วย เพราะการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติชนิดหนึ่ง อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติอีกชนิดหนึ่งได้ และเพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่องและยาวนาน หรือเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างยั่งยืนจึงจำเป็นจะต้องมีการบริหารการจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเนื่องจากการพัฒนาจะต้องพึ่งทรัพยากรและทรัพยากรก็เป็นองค์ประกอบสำคัญของสิ่งแวดล้อม การพัฒนาและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ จึงควรอยู่บนรากฐานของความถูกต้องและเหมาะสมตามหลักวิชาการ โดยคำนึงถึงสภาพที่สมดุลหรือขีดความสามารถในการรองรับของพื้นที่ และโดยที่ปัจจุบัน ปัญหาอันเกิดจากการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เป็นปัญหาที่สำคัญและเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ซึ่งจำเป็นจะต้องดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหา ตลอดจนควบคุมและส่งเสริมให้การกระทำใดๆ มีผลกระทบในทางเสียหายน้อยที่สุด จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญ รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ทั้งนี้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ จะต้องคำนึงถึงความต้องการทั้งในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนสถานภาพของทรัพยากรด้วย เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติให้คุ้มค่ามากที่สุด ประหยัดที่สุด สูญเสียน้อยที่สุด และใช้ได้อย่างต่อเนื่อง การพัฒนาที่ยั่งยืนจึงเป็นการนำขบวนการอนุรักษ์และพัฒนามาผสมผสานเข้าด้วยกัน เพื่อให้การจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด ได้เอื้ออำนวยประโยชน์ในด้านต่างๆ ได้มากที่สุดและมีผลต่อเนื่องต่อไป หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ต้องหาทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้การอนุรักษ์และการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติสามารถดำเนินการควบคู่กันไปได้อย่างยั่งยืน

ชนิดของปะการัง

ชนิดของปะการัง
ปะการังในโลกมีอยู่ประมาณ 400 ชนิด ซึ่งพบในน่านน้ำไทยประมาณ 240ชนิด ซึ่งมีความสวยงามและมีรูปร่าง รูปทรงหลายแบบ เช่น แบบกิ่งก้านเหมือนเขากวาง หรือเหมือนกิ่งไม้ แบบก้อนหรือโขด  คล้ายสมองหรือรังผึ้งแบบแผ่นบางๆเหมือนใบไม้หรือเคลือบตามพื้นผิวซากปะการังที่ตายไปแล้วไม่ว่ารูปทรงจะต่างกันอย่างไรก็ตามปะการงทุกชนิด ต้องมีลักษณะร่วมประการหนึ่ง คือ มีช่องเล็กๆ บนหินปูน ให้ตัวนุ่มๆของปะการังหดตัวเข้าไปอาศัยอยู่ได้โดยปะการังเล็กๆนับร้อยนับพันตัวอยู่รวมกันยกเว้นปะการังดอกเห็ด ซึ่งหนึ่งก้อน คือ หนึ่งตัว

 

ปะการังดอกกะหล่ำ ( Cauliflower Coral )

คอรอมลัมของปะการังชนิดนี้มีลักษณะเปนช่อที่แตกกิ่งก้านออกมาจากศูนย์กลาง คล้ายดอกกระหล่ำตรงปลายของแต่ละกิ่งก้านแผ่แบบขยายออก ผนังที่แบ่งกั้นคอรอลไลท์บางกว่าปะการังพุ่มไม้ ขนาดของช่อ กว้างประมาณ 12 เซนติเมตร ปะการังชนิดนี้พบเฉพาะในอ่าวไทย บริเวณเขตน้ำขึ้นลงและพบจำนวนน้อย ตัวอย่างในภาพ ได้มาจากเกาะล้าน ชลบุรี


ปะการังเขากวาง ( Staghorn Coral )
คอรอลรัมเป็นช่อที่กิ่งก้านแตกออกคล้ายเขากวาง คอลรอลไลท์ที่อยู่ปลายยอดของกิ่ง มีขนาดใหญ่ ส่วนคอลรอลไลท์ด้านข้างมีผนังเจริญดีเฉพาะด้านนอกทำให้มีลักษณะคล้ายเกล็ด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของแต่ละช่อกินเนื้อที่หลายตารางฟุต ตรงปลายก้านปะการังมักมีสีชมพู ปะการังชนิดนี้พบอยู่ทั่วไปในเขตน้ำขึ้นน้ำลงและลึกลงไป ทั้งในอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน

ปะการังช่องแขนง ( Branching Pore Coral )

คอรอมลัมลักษณะเป็นช่อ คล้ายปะการังพุ่มไม้ ขนาดกว้างประมาณ 20 เซนติเมตร แคลไลซ์ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่า 1มิลลิเมตร และไม่มีคลอรอไลท์ที่อยู่ปลายยอดเหมือนปะการังเขากวาง ปะการังชนิดนี้เจริญอยู่ในเขตน้ำขึ้นน้ำลงทางด้านในของขอบ พบอยู่ทั่วไปในแนวปะการังของไทย ทั้งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน
 

ปะการังผักกาด ( leaf Coral )

คอรอมลัมมีขนาดคล้ายช่อผักกาดที่บิดไปบิดมา มีโพลิปเจริญดีอยู่ทั้งสองด้านตามขอบเป็นสันคม ขนาดความกว้างของช่อประมาณ 30เซ็นติเมตร ปรกติมีสีเทา หรือน้ำตาล พบเจริญอยู่ทั่วไปในแนวปะการังตั้งแต่เขตน้ำขึ้นน้ำลงออกไปทั้งแนวอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน และแพร่กระจายทั่วไปแถบอินโดแปซิฟิก

ปะการังตาข่าย ( Tombstone Coral )

คอรอมลัมลักษณะเป็นก้อนหรือแผ่คลุมพื้นซากปะการัง แคลไลท์เป็นรูปเหลี่ยมลายตาข่าย โดยมีผนังกั้นในแนวรัศมีเรียงกัน 3 ชุด ปกติมักมีสีเหลืองอมเขียว พบเจริญอยู่ในแนวปะการังบางแห่งเป้นจำนวนน้อย ตัวอย่างในภาพได้มาจากภูเก็ต

ปะการังขนมปังกรอบ ( Cracker Coral )

คอรอมลัมลักษณะเป็นช่อซึ่งเกิดจากกิ่งก้านสั้นๆ บิดพับไปมา คอรอลไลท์มีขนาดเล็กกว่า 1 มิลลิเมตร มองด้วยตาเปล่าเห็นไม่ชัด ปะการังที่มีชีวิตดูคล้ายขนมปังกรอบสีน้ำตาล พบเจริญอยู่ใต้เขตน้ำขึ้นนน้ำลงทั้งในอ่าวไทย และฝั่งทะเลอันดามัน

ปะการังเห็ด ( Mushroom Coral )

ปะการังที่อาศัยอยู่แบบเดี่ยว ลักษณะคล้ายดอกเห็ดรูปกลม นับเป็นปะการังที่มีคลอรอลไลท์ใหญ่มาก เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 - 30 เซนติเมตร สันที่จัดเรียงตัวกันในแนวรัศมรเห็นได้ชัดเจน และอยู่ชิดกันมาก ระหว่างสันนี้มีหนวดหดตัวแทรกอยู่เป็นระยะ เมื่ออยู่ในน้ำโพลิปจะยื่นยาวออกมา แต่ผนังที่กั้นรอบคลอรอลไลท์ไม่เจริญ ระยะเริ่มแรกของการเจริญเติมโต ปะการังเห็ดมีก้านยึดติดกับพื้นปะการังชนิดอื่น เมื่อเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โพลิปจะบานออกไปคล้ายดอกเห็ด ทำให้ก้านหัก ปะการังจึงหลุดจากพื้น บางครั้งเราอาจพบปะการังเห็ด อยู่ใกล้กันเจริญขึ้นจนเชื่อมเป็นเนื้อเดียวกัน 2 - 3 โพลิป ปะการังเห็ดที่พบเจริญอยู่ระหว่างปะการังอื่นนั้น หากอยู่ในระดับน้ำตื้น หรือในเขตน้ำขึ้นน้ำลง มักมีสีแดงอมม่วง ส่วนที่อยู่ลึกลงไปมีส๊น้ำตาล ปะการังเห็ดชนิดนี้ เป็นชนิดที่พบได้บ่อยมากในแนวปะการัง ทั้งในอ่าวไทย และฝั่งทะเลอันดามัน

ปะการังดอกไม้ ( Anemone Coral )

ปะการังดอกไม้ชนิอนี้ดพลิปมักมีสีน้ำตาลหรือเขียว ที่ชอบยืดตัวและบานหนวดออกจับเหยื่อ ในเวลากลางวัน คอรอมลัมมีลักษณะเป็นก้อนครึ่งวงกลม และเป็นอิสระจากพื้น ๗งถูกหยิบเก็บได้ง่าย เป็นที่นิยมของนักเลี้ยงปลาตู้ ขนาดความกว้างของคลอรอมลัมประมาณ 15 เซนติเมตร สันที่จัดเรียง ตัวตามแนวรัศมีขอวแคลไลซ์ไม่ค่อยเจริญ ทำให้ผนังระหว่างแคลไลซ์เป็นสันสูง พบเจริญอยู่ใต้ระดับน้ำลงต่ำสุดทางฝั่งทะเลอันดามัน และมีการแพร่กระจายทั่วไปในแถบอ่าวไทย

ปะการังโขดหินหรือปะการังก้อนHump Coral

คอรอมลัมมีลักษณะเป็นก้อนขนาดใหญ่คล้ายโขดหิน บางครั้งอาจมีลักษณะเป็นรูปวงแหวน หรือรูปเกือกม้า เนื่องจากโพลิปส่วนบนที่โผล่พ้นน้ำตายลง และมีการทับถมของตะกอนทำให้สาหร่าย หรือฟองน้ำเจริญขึ้นแทน ส่วนโพลิปที่อยู่ทางด้านข้าง สามารถเจริญขยายออกไปได้เรื่อยๆ ทำให้ดูคล้ายแนวปะการังแบบวงแหวนขนาดเล็ก ส่วนที่โผล่พ้นน้ำมักมีสีม่วงแดง แคลไลซ์มีขนาดเล็ก ประมาณ 1 มิลลิเมตร ปะการังชนิดนี้เป็นปะการังที่พบบ่อยมากในแนวปะการังทั่วไป และครอบคลุทพื้นที่ ของแนวปะการังส่วนใหญ่ตั้งแต่เขตน้ำขึ้นน้ำลงและที่ลึกลงไป

ปะการังก้อนรูปสมอง (Knobbed Hump Coral )

คอรอลไลท์เป็นก้อนคล้ายสมองเนื่องจากบริเวณผิวมีส่วนนูน แคลไลซ์มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 1.5มิลลิเมตร และคอรอลไลท์กว้างประมาณ 30เซนติเมตรพื้นผิวมีสีเทาอมม่วง ปะการังชนิดนี้พบจำนวนน้อยตามแนวปะการังในเขตน้ำขึ้นน้ำลง ตัวอย่างในภาพได้มาจากภูเก็ต

ปะการังแหวน ( Ringed Favid Coral )

คอรอลลัมเป็นก้อนขนาดเล็ก มักมีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 20 เช็นติเมตร แคลไลซ์มีเส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ 13 มิลลิเมตร ผนังกั้นรอบแคลไลท์เป็นรูปวงกลม หรือกลมรีคล้ายวงแหวน และมีร่องแบ่งระหว่าง ผนังแคลไลซ์ชัดเจน ขณะมีชีวิตมักมีสีเขียว หรือน้ำต่ล ปะการังชนิดนี้พบได้บ่อยตามแนวปะการังทั่วไป ทั้งในอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน โดยเจริญอยู่ใน เขตน้ำขึ้นน้ำลง และลึกลงไปถึง 30 เมตร

ปะการังผึ้ง ( Favites Coral )

คอรอลลัมมีรูปร่างหลายแบบ แจมีลักษณะเป็นก้อน เป็นช่อหรือแผ่คลุมซากปะการัง แคลไลซ์ส่วนใหญ่ เป็นรูป 5 - 6 เหลี่ยม จนถึงรูปวงกลม สันที่จัดเรียงตัวตามแนวรัศมียื่นเข้าไปตรงกลางเป็นหน้าผา ผนังกั้นระหว่าง แคลไลซ์ใช้ร่วมกับแคลไลซ์ข้างเคียง ซึ่งต่างจากปะการังแหวนสกุล favia ที่ผนังกั้นแยกกัน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ของแคลไลซ์ประมาณ 8 มิลลิเมตร ปกติมักมีสีเขียวคล้ำ ปะการังชนิดนี้เป็นชนิดที่พบได้บ่อยมากในแนวปะการังทั่วไป และมีการแพร่กระจาย

ปะการังดาวสีทอง ( Golden Star Coral )

คอรอลลัมลักษณะเป็นก้อน หรือแผ่ขยายคลุมพื้นออกไปทางด้านข้าง แคลไลซ์มีรูปร่างหลายเหลี่ยม หรือเกือบกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8 - 15 มิลลิเมตร ผนังกั้นรอบแคลไลซ์มีสันในแนวรัศมีเห็นได้ชัดเจน ทำให้เต่ละโพลิปมีขนาดคล้ายดาวและมีเนื้อเยื่อสีเหลืองทอง ปะการังชนิดนี้พบอยู่ในเขตใกล้ระดับน้ำลงต่ำสุดและลึกลงไป ตัวอย่างในภาพได้มาจากอ่าวมะขาม จ. ภูเก็ต

ปะการังกาแลกซี ( Galden Star Coral )

คอรอลลัมอาจเจริญแผ่คลุมพื้นซากปะการังเป็นเนินหรือเจริญเป็นวงแหวนขนาดเล็ก คอรอลไลท์ยื่นขึ้นมาสูงคล้ายตอ และมีสันจัดเรียงตัวในแนวรัศมีเป็นแผ่นสูงต่ำสลับกัน ขนาดความกว้าง ของคอรอลไลท์ประมาณ 5 มิลลิเมตร และยกสูงจากฐานประมาณ 7 มิลลิเมตร ขณะยังมีชีวิตมักมีสีเขียว เป็นส่วนใหญ่และอาจพบสีน้ำตาลหรือเหลืองบ้าง ปะการังกาแล็กซีที่พบในแถบอินโดแปซิฟิกมีเพียงชนิดเดียว เจริญอยู่ในเขตน้ำขึ้นน้ำลง และลึกลงไปถึง 25 เมตร นอกจากนี้ยังชอบบานหนวดออกในเวลากลางวันด้วย

ปะการังดอกจอก ( Common Lettuce Coral )

คอรอลลัมลักษณะเป็นช่อที่มีผนังกั้นแคลไลซ์เป็นสันสูงบาง ทำให้ช่อปะการังคล้ายผักกาดหอม หรือดอกจอก ส่วนสันที่จัดเรียงตัวในแนวรัศมีไม่ค่อยเจริญ ขนาดความกว้างระหว่างผนังกั้น ประมาณ 8 -15 มิลลิเมตร ปกติมีสีน้ำตาล ปะการังชนิดนี้พบเจริญอยู่ในเขตน้ำขึ้นน้ำลง และลึกลงไปประมาณ 15 เมตร พบทางฝั่งทะเอัดามัน

ปะการังถั่ว ( Bean Coral )

คอรอลลัมมีลักษณะเป็นช่อที่มีแคลไลท์ยกขึ้นมาเป็นกำแพงสูงและวกวนไปมาคล้ายปะการังสมอง บางคอรอลลัมอาจมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 2เมตร สันที่จัดเรียงตัวตามแนวรัศมีเรียบเรียงตัวกัน 3ชุด หนวดที่ยื่นออกมามีสีขาว เหลือง หรือเขียว ปลายหนวดแบนโค้งเป็นรูปถั่ว ปะการังชนิดนี้พบเจริญอยู่ใต้เขตน้ำขึ้นน้ำลงเป็นส่วนใหญ่ตัวอย่างในภาพได้มาจากภูเก็ต

ปะการังพิศวง ( Wonder Coral )

ปะการังชนิดนี้มีความสวยงามคล้ายดอกไม้ทะเล ลักษณะที่เห็นเด่นชัดก็คือฐานหนวดรอบปาก แผ่แบนกว้างออก มีลายเส้นในแนวรัศมีไปยังขอบซึ่งมีหนวดสีน้ำตาลหรือเขียวเรียงรายเป็นแถว และตรงปลายหนวดมีปุ่มสีชมพู คอรอลลัมมีลักษณะคล้ายปะการังสมองหยาบที่มีแคลไลท์ขนาดใหญ่ จัดเรียงตัวเป็นแถววกวนไปมา ปะการังชนิดนี้พบอยูในเขตน้ำขึ้นน้ำลง ระดับลึกประมาณ 20 เซนติเมตร ทางฝั่งทะเลอันดามัน

ปะการังมุกดา ( Opal Bubble Coral )

คอรอลลัมลักษณะเป็นก้อนและมีแคลไลซ์ยื่นขึ้นมาจากพื้นผิวคล้ายปะการังกาแล็กซีแต่มีขนาดใหญ่ และเตี้ยกว่า บางครั้งอาจมีแคลไลซ์เจริญติดต่อกันเป็นแนววกวน โพลิปมีหนวดพองเป็นรูปไข่สีเหลือง หรือสีเขียวคล้ายพลอยโอปอลหรือมุกดา ปะการังชนิดนี้พบอยู่ในแนวปะการังบางแห่งทางฝั่งมหาสมุทรอินเดียระดับลึกประมาณ 5-20 เมตร